พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง เลือกแบบไหนดี ? ให้เหมาะกับการใช้งาน

9 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง เลือกแบบไหนดี ให้เหมาะกับการใช้งาน

S.J.Sourcing สรุปให้

  • พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง มักถูกใช้สลับกันในการเรียก แต่โดยทั่วไปหมายถึงวัสดุปูพื้นประเภทเดียวกัน
  • กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิล ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ประเภทโพลิเมอร์หรือ PVC มีความยืดหยุ่น กันน้ำได้ และดูแลง่าย
  • กระเบื้องยางแบ่งได้หลายประเภท ได้แก่ LVT, SPC และ WPC แต่ละประเภทมีจุดเด่นแตกต่างกัน
  • เลือกใช้ได้ตามความต้องการในพื้นที่แต่ละส่วน ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ออฟฟิศ และพื้นที่ส่วนรวม
  • กระเบื้องไวนิลกับกระเบื้องยางอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุและการดูแลรักษา


พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง วัสดุปูพื้นที่ทนทานและมีลวดลายเลียนแบบธรรมชาติ ทำให้หลายคนนำมาใช้ตกแต่งบ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม สำนักงาน หรือพื้นที่สาธารณะ แต่ถ้ามองลึกลงไป วัสดุทั้งสองมีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน

บทความจาก S.J.Sourcing จะชี้ให้เห็นความแตกต่างและคุณลักษณะของ กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิล เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกวัสดุที่ตรงกับความต้องการใช้งานจริงค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ


พื้นไวนิล กับ กระเบื้องยาง คืออะไร ?

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง คือวัสดุปูพื้นชนิดเดียวกันที่ใช้พอลิเมอร์ (PVC) เป็นส่วนประกอบหลัก หลายคนใช้ชื่อเรียกสลับกัน จุดเด่นของวัสดุประเภทนี้คือการป้องกันปัญหาเรื่องปลวกกับมอด ทั้งยังออกแบบให้มีลวดลายและผิวสัมผัสเลียนแบบวัสดุธรรมชาติ มีทั้งลายไม้และลายหินอย่างแนบเนียน

กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิล มีโครงสร้างแกนกลางที่แตกต่างกัน 3 รูปแบบหลัก ทำให้มีคุณสมบัติและการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้

  1. LVT (Luxury Vinyl Tiles) คือกระเบื้องยางแบบแผ่น ชั้นวัสดุหลักผลิตจากพอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) 100% ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง หนาประมาณ 2-4 มิลลิเมตร มีทั้งแบบปูกาวและแบบคลิกล็อค
  2. SPC (Stone Plastic Composite) คือพื้นไวนิลที่ชั้นวัสดุหลักผลิตจากส่วนผสมระหว่าง PVC กับผงหิน มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่อแรงกระแทกได้ดี หนาประมาณ 4-5 มิลลิเมตร ติดตั้งด้วยระบบคลิกล็อคเท่านั้น
  3. WPC (Wood Plastic Composite) คือกระเบื้องยางที่ชั้นวัสดุหลักผลิตจากการผสม PVC กับผงไม้อัดแน่น ให้ความรู้สึกคล้ายไม้จริงมากและช่วยลดเสียงสะท้อนได้ดี หนาประมาณ 5-7 มิลลิเมตร

 

เปรียบเทียบคุณสมบัติของ พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง มีให้เลือกหลากหลายประเภทที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจในโครงสร้าง ความทนทาน และคุณสมบัติด้านอื่น ๆ จะช่วยให้ตัดสินใจเลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งานได้ง่ายขึ้นค่ะ

โครงสร้างและวัสดุของ กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิล

กระเบื้องยางมีโครงสร้างซ้อนกันหลายชั้น เพื่อเสริมคุณสมบัติต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต่างกัน ได้แก่

  1. ชั้นเคลือบผิวบนสุด สำหรับป้องกันรังสียูวี (UV Coating Layer)
  2. ชั้นกันรอยขีดข่วน มีความหนาประมาณ 0.3-0.5 มิลลิเมตร
  3. ชั้นแสดงลวดลาย สร้างความสวยงาม เช่น ลายไม้ หรือลายหิน
  4. ชั้นวัสดุหลัก คือแกนกลางของแผ่นพื้น มีความแตกต่างกันในแต่ละประเภท (LVT, SPC, WPC)
  5. ชั้นฐาน ช่วยเรื่องการรองรับและเสริมความมั่นคงในการติดตั้ง

ความทนทานและอายุการใช้งานของ กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิล

กระเบื้องยางมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งาน สำหรับกระเบื้องไวนิลประเภท SPC จะมีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนสูงกว่า LVT เพราะมีส่วนผสมของผงหิน

การติดตั้งพื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง

การติดตั้งกระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิลมี 2 รูปแบบหลัก ได้แก่

  1. แบบใช้กาว เหมาะสำหรับพื้นที่ใช้งานหนัก เพราะยึดติดแน่นกับพื้นเดิม
  2. แบบคลิกล็อค ติดตั้งได้ทุกสภาพผิวพื้น ปูทับพื้นกระเบื้อง พื้นไม้ปาร์เก้ หรือพื้นกระเบื้องยางเดิมได้

ความทนต่อความชื้นและน้ำ

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยางสามารถกันน้ำและทนต่อความชื้นได้ โดยเฉพาะรุ่น SPC ที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดีมาก เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องน้ำหรือห้องครัวค่ะ

ราคาของกระเบื้องยาง

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยางมีระดับราคาที่แตกต่างกันตามประเภทและคุณภาพ โดยรุ่น LVT จัดเป็นกลุ่มที่เข้าถึงง่ายที่สุด ตามมาด้วย SPC ที่มีราคาสูงขึ้นมา และ WPC ที่มีราคาสูงสุดในกลุ่มนี้ค่ะ

การดูแลรักษาของกระเบื้องไวนิล

ด้านการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก สามารถทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดอ่อน แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงค่ะ

 

ข้อดีและข้อจำกัด พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยางมีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจติดตั้ง เพื่อให้ตรงกับความต้องการและมีอายุการใช้งานนานค่ะ

ข้อดีของพื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง

  1. ความทนทาน กระเบื้องยางทนต่อความชื้น ไม่เกิดเชื้อรา ไม่ใช่แหล่งอาหารของปลวก และมีอายุการใช้งานยาวนาน 5-15 ปี
  2. ความสวยงาม กระเบื้องยางกับกระเบื้องไวนิลมีจุดเด่นที่สีสันและลวดลายเหมือนไม้จริงจากธรรมชาติ จนบางครั้งมองด้วยตาเปล่าแทบแยกไม่ออก
  3. การติดตั้งสะดวก การปูพื้นด้วยวัสดุนี้จะไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย ไม่มีกลิ่นกาวรบกวน และพื้นไม่บวม ทำให้พื้นที่พร้อมใช้งานได้รวดเร็ว
  4. การดูแลรักษาง่าย การทำความสะอาดพื้นไวนิลทำได้ง่ายด้วยการเช็ดถูด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ไม่ต้องขัดเงาหรือเคลือบผิวบ่อยครั้งเหมือนไม้จริง
  5. ความยืดหยุ่นสูง พื้นไวนิลกับกระเบื้องยางให้สัมผัสที่ช่วยลดแรงกระแทกใต้ฝ่าเท้า และยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนเวลาเดิน
  6. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้พื้นไวนิลสามารถใช้แทนพื้นไม้จริงได้ ช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าและรักษาสภาพแวดล้อม

ข้อจำกัดของพื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง

  1. การยืดหดตัว ข้อจำกัดของกระเบื้องยางลายไม้ คือปัญหาการยืดหดหรือขยายตัว และผิวหน้าที่ไม่ทนต่อสารเคมีที่เป็นสารกัดกร่อน
  2. ความไวต่อความร้อน กระเบื้องไวนิลกับกระเบื้องยางเสียหายได้ ถ้าสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานาน
  3. ความทนทานต่อรอยขีดข่วน เพื่อลดปัญหาการเกิดรอยขีดข่วนจากการใช้งานหนัก ควรติดตั้งแผ่นรองใต้เฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย
  4. การปรับระดับพื้น การติดตั้งทับพื้นกระเบื้องเซรามิค ต้องปรับตรงยาแนวให้เรียบก่อน ถ้าปูทับโดยไม่ปรับระดับยาแนวให้เรียบจะทำให้กระเบื้องยางเป็นลอนคลื่นชัดเจน
  5. ราคา กระเบื้องยางคุณภาพสูงก็จะมีราคาที่สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะรุ่น SPC และ WPC

 

การเลือกใช้ พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง ให้เหมาะกับแต่ละห้อง

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยางแต่ละประเภทต่างก็มีคุณสมบัติที่เหมาะกับการใช้งานในห้องที่แตกต่างกัน การเลือกวัสดุให้เหมาะกับลักษณะของพื้นที่ช่วยให้พื้นคงทนและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แนวทางการเลือกสำหรับห้องต่าง ๆ ได้แก่

  1. ห้องนอน คือห้องที่ต้องการบรรยากาศสำหรับการพักผ่อนและความเงียบสงบ พื้นไวนิลประเภท LVT หรือ WPC ตอบโจทย์เรื่องความสบายเมื่อเดิน เพราะมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สัมผัสนุ่มเท้าและลดเสียงรบกวน การเลือกลวดลายไม้โทนสีอบอุ่นยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ค่ะ
  2. ห้องน้ำและห้องครัว คือพื้นที่ที่ต้องเผชิญความชื้นกับน้ำอยู่เสมอ กระเบื้องไวนิล SPC ที่มีคุณสมบัติกันน้ำและทนความชื้นได้ดี ลวดลายหินอ่อนหรือลายกระเบื้องจะเข้ากับห้องน้ำ ส่วนห้องครัวสามารถเลือกลายไม้หรือลายหินตามสไตล์การตกแต่ง
  3. พื้นที่ส่วนกลางและห้องนั่งเล่น คือพื้นที่ที่มีการเดินผ่านบ่อยครั้ง ต้องการความทนทานต่อการขีดข่วนเป็นพิเศษ พื้นไวนิล SPC ที่มีความแข็งแรงสูงจะรับมือกับการใช้งานลักษณะนี้ได้ดี การใช้ลายไม้โทนสีกลางจะช่วยให้ห้องดูโปร่งและเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้หลากสไตล์
  4. สำนักงานหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ พื้นที่ที่มีการสัญจรตลอดวัน เช่น คลินิก หรือห้างสรรพสินค้า ควรเลือกใช้ SPC เพราะมีความทนทานสูง รองรับการใช้งานหนักได้ดี การเลือกลายไม้หรือลายหินในโทนสีเรียบง่ายจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ทางการขึ้นค่ะ

คำแนะนำการเลือกใช้ กระเบื้องไวนิลกับกระเบื้องยาง ตามประเภทห้อง

ประเภทห้องประเภทของพื้นไวนิลเหตุผลสนับสนุน
ห้องนอนLVT, WPCให้สัมผัสนุ่มนวลและช่วยลดเสียง
ห้องน้ำSPCป้องกันน้ำและความชื้นได้ดี ไม่เกิดเชื้อรา
ห้องครัวSPCทนทานต่อน้ำและคราบมัน ทำความสะอาดง่าย
ห้องนั่งเล่นSPC, WPCแข็งแรง รองรับการเดินและกิจกรรมต่าง ๆ
สำนักงาน/พื้นที่พาณิชย์SPCทนทานสูงมาก เหมาะกับการใช้งานหนัก

 

สรุป

พื้นไวนิลกับกระเบื้องยาง มักถูกใช้เรียกวัสดุประเภทเดียวกัน คือวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากโพลิเมอร์หรือ PVC แต่ในกลุ่มนี้ยังมีความแตกต่างกันตามส่วนประกอบหลัก ทำให้เกิดพื้นไวนิล 3 ประเภทหลัก ๆ และมีคุณสมบัติกับการตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดยความต่างของ กระเบื้องไวนิลกับกระเบื้องยาง แต่ละประเภทมีดังนี้

คุณสมบัติกระเบื้องยาง LVTกระเบื้องยาง SPCกระเบื้องยาง WPC
วัสดุหลักPVC 100%PVC ผสมผงหินPVC ผสมผงไม้
ความหนา2-4 มม.4-5 มม.5-7 มม.
ความแข็งแรงปานกลางสูงสูง
ความยืดหยุ่นสูงปานกลางสูง
การกันน้ำกันน้ำได้กันน้ำได้ดีกันน้ำได้
ระดับราคาต่ำ-ปานกลางปานกลางสูง
การติดตั้งปูกาว/คลิกล็อกคลิปกล็อกคลิปกล็อก
อายุการใช้งาน5-10 ปี10-15 ปี10-15 ปี
พื้นที่ใช้งานห้องนอนห้องน้ำ ห้องครัว สำนักงาน และพื้นที่พาณิชย์ห้องนอน และห้องนั่งเล่น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้