ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ? เลือกรูปแบบบานประตูห้องน้ำแบบไหนดี

124 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ตัวอย่างแบบประตูห้องน้ำไม้สีน้ำตาลเข้มในห้องน้ำสไตล์โมเดิร์น เป็นหนึ่งในไอเดียการเลือกวัสดุสำหรับผู้ที่กำลังหาคำตอบว่าประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน

S.J.Sourcing สรุปให้

  • การเลือก ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ต้องมองคุณสมบัติกันน้ำ กันความชื้น และกันเชื้อราเป็นหลัก เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูงตลอดเวลา
  • วัสดุประตูห้องน้ำแบบไหนดีที่ตอบโจทย์ ได้แก่ UPVC, PVC, WPC เพราะทนทานต่อน้ำและความชื้นได้ดี
  • รูปแบบบานมีให้เลือกหลากหลาย เช่น บานเรียบ บานลูกฟัก บานเกล็ด และบานเลื่อน ขึ้นอยู่พื้นที่กับการใช้งาน
  • ขนาดมาตรฐานของประตูห้องน้ำคือ 70x200 ซม. แต่สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการและพื้นที่ใช้งาน
  • ประตูห้องน้ำคุณภาพต้องแข็งแรง ทำความสะอาดง่าย และไม่เป็นที่สะสมของเชื้อรา


ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน คือเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่ต้องเจอกับความชื้นและน้ำตลอดเวลา การเลือกใช้วัสดุที่ไม่ทนทานต่อความชื้น ก็อาจเจอปัญหาประตูบวม เกิดเชื้อรา จนถึงคราบเหลืองที่ขัดออกยาก

บทความนี้จาก S.J. Sourcing ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุ รูปแบบของบานประตู และการกำหนดขนาดมาให้ การเตรียมข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ประตูห้องน้ำแบบไหนดี เพื่อให้ได้ประตูที่ทนทานและใช้งานได้นานค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ต้องดูคุณสมบัติอะไรบ้าง ?

ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ต้องเริ่มจากการดูคุณสมบัติของประตูเป็นหลัก เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่ต้องสัมผัสความชื้นตลอดเวลา ส่วนบานประตูก็ไม่สามารถเปิดทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศได้ ประตูห้องน้ำต้องทนต่อความชื้น กันน้ำ ไม่ดูดซึมน้ำ ป้องกันเชื้อรา ทำความสะอาดได้ง่าย และมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะส่วนประกอบภายในต้องไม่เป็นแหล่งสะสมความชื้นหรือเชื้อรา เพราะถ้าประตูสะสมเชื้อราไว้นาน ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัยได้

การเลือกประตูห้องน้ำแบบไหนดีที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ตั้งแต่แรก ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายใจไปอีกนาน นอกจากความทนทานแล้ว ยังมีเรื่องดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย และบางรุ่นก็มีช่องระบายอากาศเพื่อช่วยลดความอับชื้น การเลือกประตูห้องน้ำที่เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ช่วยลดปัญหาจุกจิกที่ตามมาในอนาคตได้ค่ะ

คุณสมบัติหลักที่ ประตูห้องน้ำแบบไหนดี ต้องมี

การพิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกใช้ ช่วยให้ได้ประตูที่ใช้งานได้นานและไม่ต้องกังวลกับปัญหาจุกจิกกวนใจในภายหลัง คุณสมบัติหลักที่ของประตูห้องน้ำ มีดังนี้

  1. ทนความชื้นและกันน้ำ ประตูต้องสัมผัสน้ำกับความชื้นได้โดยไม่เกิดอาการบวม โก่ง หรือเสียรูปทรง ปัญหานี้พบได้ในประตูไม้ที่ไม่ผ่านการปรับปรุงมาเพื่อกันความชื้น
  2. ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย วัสดุของประตูไม่ควรเป็นแหล่งสะสมความชื้นที่ทำให้เกิดเชื้อรากับแบคทีเรีย เพราะเป็นสาเหตุของกลิ่นอับและปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  3. ทำความสะอาดง่าย พื้นผิวประตูควรเรียบ ไม่มีร่องลึกที่คราบสกปรกเข้าไปสะสม ทำให้เช็ดล้างทำความสะอาดได้สะดวกด้วยผ้าชุบน้ำหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป
  4. แข็งแรงทนทาน ประตูต้องทนต่อแรงกระแทกและการเปิดปิดบ่อย ๆ ได้โดยไม่แตกหักเสียหายง่าย วัสดุที่มีโครงสร้างแข็งแรงช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
  5. ป้องกันปลวกและแมลง วัสดุต้องไม่ถูกทำลายจากปลวกหรือมอดเหมือนไม้ทั่วไป ประตูที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์หรือพลาสติกคอมโพสิตมักไม่มีปัญหาเรื่องปลวก ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาในระยะยาว

การพิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหนที่ทนทานและใช้งานได้นาน รวมถึงเรื่องดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์การตกแต่ง และราคาที่เข้าถึงง่าย ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจค่ะ

 

ประตูห้องน้ำแบบไหนดี เมื่อดูจากวัสดุที่ใช้ผลิต ?

ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ถ้าดูจากวัสดุที่ใช้ผลิตที่ตอบโจทย์คือ UPVC กับ PVC เพราะกันน้ำและเชื้อราได้ดี ทั้งยังแข็งแรงทนทานและมีราคาไม่สูงมาก ส่วน WPC ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพราะให้ความรู้สึกคล้ายไม้แต่ทนความชื้นได้ดีกว่าไม้จริง

การเลือกวัสดุสำหรับประตูห้องน้ำส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานและความทนทานของประตู วัสดุที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้มีอยู่ 3 ประเภทหลัก แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและข้อจำกัดที่ต่างกันค่ะ

1. ประตู UPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride)

ประตู UPVC ถูกพัฒนาขึ้นมาจากประตู PVC โดยไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้พลาสติกนิ่ม แต่มีการเติมสารเคมีอื่นเข้าไปแทน เช่น สารป้องกันรังสียูวี ทำให้ประตู UPVC มีความแข็งแรงและทนทานสูงกว่า PVC ทั่วไป วัสดุชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเพิ่มความทนทาน ใช้งานได้ทั้งภายนอกและภายในบ้าน

  • ข้อดีของประตู UPVC มีมากมาย ได้แก่ กันน้ำและความชื้นได้ดี ไม่บวม ไม่โก่งงอ ป้องกันเชื้อรากับแบคทีเรีย ทนแสงแดดและ UV ได้ดี สามารถใช้ได้ทั้งภายในกับภายนอกบ้าน ไม่ถูกทำลายจากปลวกและมอด มีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงกระแทก มีให้เลือกหลายสี เช่น สีขาว สีเทา และลายไม้ ติดตั้งแล้วไม่ต้องทาสี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
  • ข้อควรพิจารณาสำหรับประตู UPVC คือมีราคาสูงกว่าประตู PVC ทั่วไป ถ้าต้องการเปลี่ยนสีในภายหลัง จะต้องมีการขัดผิวและพ่นสีใหม่ค่ะ | UPVC กับ PVC ต่างกันอย่างไร ?

2. ประตู PVC (Polyvinyl Chloride)

ประตู PVC ผลิตจากพลาสติกพอลิไวนิลคลอไรด์ที่เติมสารเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน โดยเฉพาะในห้องน้ำกับห้องเก็บของ วัสดุนี้มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า UPVC แต่ยังคงคุณสมบัติการกันน้ำและความชื้นไว้ได้ดี

  • ข้อดีของประตู PVC ได้แก่ กันน้ำและความชื้นได้ประสิทธิภาพสูง ป้องกันปลวกกับมอด ราคาถูกกว่า UPVC มีน้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งสะดวก ทำความสะอาดง่าย เหมาะสำหรับคนที่มีเงินจำกัดแต่ต้องการประตูคุณภาพสำหรับใช้ภายในบ้าน
  • ข้อจำกัดของประตู PVC คือไม่ทนทานต่อแสงแดดเท่า UPVC เหมาะกับการใช้งานภายในอาคารเท่านั้น และมีความแข็งแรงที่น้อยกว่า UPVC เล็กน้อย ถ้าติดตั้งในจุดที่โดนแดดส่องถึง วัสดุอาจเปลี่ยนสีหรือเสื่อมสภาพเร็วขึ้นค่ะ

3. ประตู WPC (Wood Plastic Composite)

ประตู WPC ผลิตจากส่วนผสมของผงไม้กับโพลีเมอร์พลาสติก ทำให้ได้ประตูที่มีผิวสัมผัสและลวดลายคล้ายไม้จริง แต่มีความสามารถในการทนความชื้นได้ดีกว่า วัสดุชนิดนี้เป็นการรวมคุณสมบัติของไม้และพลาสติกเข้าไว้ด้วยกัน

  • ข้อดีของประตู WPC มีความแข็งแรงและทนทานสูง ไม่ดูดซึมน้ำ กันความชื้นกับปลวกได้ดี ดูสวยคล้ายไม้จริง ไม่ไวไฟ ไม่ลามไฟ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสวยแบบไม้แต่ไม่ต้องการปัญหาของไม้จริง เช่น การบวมน้ำหรือการถูกปลวกทำลาย
  • ข้อจำกัดของประตู WPC คือการดัดแปลงหรือปรับขนาดหน้างานทำได้ค่อนข้างยาก เพราะวัสดุถูกขึ้นรูปมาสำเร็จแล้ว และมีราคาสูงกว่าประตู PVC ทั่วไป แต่ก็ยังต่ำกว่าราคาไม้จริงที่เกรดใกล้เคียงกัน

ประตู UPVC และ PVC ต่างก็มีคุณสมบัติกันน้ำกับเชื้อรา ทนต่อความชื้นได้ดี ทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะกับห้องน้ำ การตัดสินใจว่าประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหนระหว่างสองชนิดนี้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งการติดตั้งและความทนทานที่ต้องการ ถ้าต้องการความแข็งแรงสูง ใช้ได้ทั้งในร่มกับกลางแจ้ง ประตู UPVC จะตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่ถ้าใช้งานเฉพาะในบ้าน PVC ก็เป็นทางเลือกที่เพียงพอต่อการใช้งานค่ะ

อ่านเพิ่มเติม: ประตู WPC คืออะไร ? เกี่ยวกับโครงสร้างและวัสดุ

 

รูปแบบบาน ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ที่ตอบโจทย์

การจะตอบคำถามว่า ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ได้ลงตัวนั้น นอกจากเรื่องวัสดุแล้ว รูปแบบของบานประตูก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณาค่ะ เพราะมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งบานเรียบ บานลูกฟัก บานเกล็ด และบานเลื่อน การเลือกต้องดูจากขนาดพื้นที่ การระบายอากาศ และสไตล์การตกแต่งเป็นหลัก

รูปแบบของบานประตูไม่ได้ส่งผลแค่หน้าตาภายนอก แต่ยังเกี่ยวข้องกับการใช้งานจริงและความสามารถในการระบายอากาศของห้องน้ำด้วย การเลือกให้เข้ากับลักษณะการใช้งานช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น การทำความเข้าใจในแต่ละรูปแบบ ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าประตูห้องน้ำแบบไหนดีที่เข้ากับบ้านของคุณ ได้แก่

  1. บานเรียบ (Flush Door) ทำให้ห้องน้ำดูกลมกลืนกับผนัง ให้ความรู้สึกทันสมัยและสะอาดตา เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือมินิมอล ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย ไม่มีร่องลึกให้คราบสกปรกสะสม ใช้แค่ผ้าชุบน้ำเช็ดก็พอ แต่ในห้องน้ำที่ไม่มีช่องระบายอากาศอื่น การใช้ประตูบานทึบอาจทำให้เกิดความอับชื้นได้ การติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม หรือเลือกใช้บานเรียบที่มีช่องเกล็ดเล็ก ๆ ก็เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้
  2. บานลูกฟัก (Panel Door) เป็นการออกแบบที่ช่วยเพิ่มมิติและลวดลายให้กับประตู เหมาะกับบ้านสไตล์คลาสสิกหรือโมเดิร์นคลาสสิก สามารถเลือกลวดลายได้หลากหลาย ตั้งแต่ลายเรียบง่ายจนถึงลายที่ซับซ้อน ส่วนการทำความสะอาดอาจต้องใส่ใจมากกว่าบานเรียบ เพราะมีร่องตามลวดลาย แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยาก แค่ใช้แปรงขนนุ่มช่วยปัดฝุ่นก็ทำให้ประตูสะอาดเหมือนเดิม
  3. บานเกล็ด (Louvered Door) มีคุณสมบัติเรื่องการระบายอากาศ ยิ่งมีช่องเกล็ดมาก อากาศก็ยิ่งถ่ายเทได้สะดวก ช่วยลดความอับชื้นกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และป้องกันการเกิดเชื้อราได้ดี เหมาะสำหรับห้องน้ำที่ไม่มีหน้าต่างหรือระบายอากาศได้ไม่ดีนัก แต่ข้อควรพิจารณาคือเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ลดลง และฝุ่นอาจเกาะตามช่องเกล็ดได้ง่ายกว่าบานทึบ
  4. บานเลื่อน (Sliding Door) ประตูบานเลื่อนเป็นรูปแบบที่ช่วยให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่ เพราะไม่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับวงสวิงของประตู เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็ก และยังสะดวกต่อผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องใช้วีลแชร์ การติดตั้งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าประตูแบบบานเปิด ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดรางเลื่อนไม่ให้มีฝุ่นสะสม
  5. บานทึบผสมบานเกล็ด (Combination Door) เป็นรูปแบบที่นำข้อดีของประตูบานทึบกับบานเกล็ดมารวมกัน โดยส่วนบนเป็นบานเกล็ดเพื่อช่วยระบายอากาศ ส่วนล่างเป็นบานทึบเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการทั้งการระบายอากาศและความเป็นส่วนตัวไปพร้อมกัน

เลือกรูปแบบ ประตูห้องน้ำแบบไหนดี ที่หมาะกับการใช้งาน

  • ห้องน้ำขนาดเล็ก แนะนำบานเลื่อนหรือบานเรียบ การใช้บานเลื่อนช่วยให้ไม่ต้องเผื่อระยะเปิดปิดประตู ทำให้สามารถใช้พื้นที่ภายในห้องน้ำได้เต็มที่มากขึ้น
  • ห้องน้ำไม่มีหน้าต่าง ควรใช้บานเกล็ดหรือบานทึบผสมเกล็ดเพื่อระบายอากาศ การมีช่องระบายอากาศผ่านบานเกล็ดช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี ลดความชื้นและกลิ่นอับในห้องน้ำ
  • บ้านที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการ แนะนำบานเลื่อนเพื่อความสะดวกในการเข้าออก การเลื่อนประตูทำได้ง่ายกว่าการผลักหรือดึงประตู และช่วงประตูที่กว้างขึ้นทำให้วีลแชร์ผ่านได้สะดวก
  • บ้านสไตล์โมเดิร์น ควรใช้บานเรียบหรือบานเรียบเซาะร่อง ความเรียบง่ายของบานเรียบเข้ากับแนวคิดมินิมอลและความทันสมัย ทำให้ห้องน้ำดูสะอาดตาเป็นระเบียบ
  • บ้านสไตล์คลาสสิก บานลูกฟักช่วยเพิ่มความหรูหราและสร้างเอกลักษณ์ให้กับห้องน้ำ เข้ากับการตกแต่งที่มีรายละเอียดและความประณีต

 

การกำหนดขนาดประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหนดี ?

การเลือกขนาดประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องดูจากหลาย ๆ ปัจจัยมาประกอบกัน เพราะประตูห้องน้ำมีหลายขนาด แต่ละขนาดก็มีการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกขนาดที่ลงตัวช่วยให้ใช้งานได้สะดวก ไม่รู้สึกอึดอัด และยังเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่

ขนาดมาตรฐานของประตูห้องน้ำ

ประตูห้องน้ำมีขนาดมาตรฐานให้เลือกใช้ตามความต้องการและพื้นที่หน้างาน โดยแต่ละขนาดมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

ขนาดประตู (ซม.)เหมาะสำหรับ
70 x 200ห้องน้ำขนาดทั่วไป ห้องน้ำรอง บ้านและคอนโดที่ต้องการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์
70 x 180ห้องน้ำขนาดเล็ก ห้องน้ำที่มีเพดานต่ำ หรือมีข้อจำกัดด้านพื้นที่
80 x 200ห้องน้ำหลัก ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ ห้องที่ต้องการความสะดวกในการเข้าออก
90 ขึ้นไปห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้วีลแชร์
  • ขนาด 70x200 ซม. ขนาดมาตรฐานที่พบได้บ่อยในบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม เพราะเป็นขนาดที่พอดีกับการเข้าออกของคนทั่วไป ไม่กินเนื้อที่มากเกิน ทำให้ใช้พื้นที่ในบ้านได้เต็มที่ ขนาดนี้หาซื้อได้ง่ายทั้งตัวบานประตูและอุปกรณ์ติดตั้ง
  • ขนาด 70x180 ซม. เตี้ยกว่าขนาดปกติเล็กน้อย ใช้กับห้องน้ำที่มีเพดานต่ำหรือมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ การใช้ประตูที่เตี้ยลงยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย แต่ก็ต้องดูความสูงของผู้ใช้งานในบ้านประกอบกัน ถ้ามีคนตัวสูงก็อาจรู้สึกว่าประตูเตี้ยเกินไป
  • ขนาด 80x200 ซม. มีกว้างกว่าขนาดมาตรฐาน ทำให้ห้องน้ำดูโปร่งและเข้าออกสะดวกขึ้น การเพิ่มความกว้างอีก 10 ซม. ทำให้การเคลื่อนย้ายเก้าอี้อาบน้ำหรืออุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุทำได้ง่ายขึ้น มักใช้กับห้องน้ำหลักหรือห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ที่มีพื้นที่เพียงพอ
  • ขนาด 90 ซม. ขึ้นไป เหมาะกับห้องน้ำที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้วีลแชร์ ช่วยให้วีลแชร์ผ่านเข้าออกได้สะดวก และผู้ดูแลก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น การออกแบบห้องน้ำให้รองรับการใช้งานลักษณะนี้ตั้งแต่แรก ช่วยให้บ้านใช้งานได้สำหรับทุกคนในครอบครัว

ปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องดูก่อนเลือกใช้ ประตูห้องน้ำแบบไหนดี

นอกจากการเลือกขนาดบานประตูแล้ว ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ต้องตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าประตูที่เลือกมาจะติดตั้งและใช้งานได้พอดีกับพื้นที่หรือไม่ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม มีดังนี้

  1. ขนาดวงกบประตู วงกบประตูห้องน้ำตามมาตรฐานมีความหนาประมาณ 5 เซนติเมตร ต้องเช็คให้แน่ใจว่าขนาดวงกบประตูที่เลือกมานั้นเข้ากับวงกบเดิมที่มีอยู่ได้ การวัดขนาดช่องประตูให้ละเอียดก่อนสั่งซื้อ ช่วยป้องกันปัญหาประตูไม่พอดีหรือเกิดช่องว่างมากเกิน
  2. การติดตั้งและการปรับขนาด หลังการติดตั้ง ช่างมักจะปรับลดขนาดประตูลงเล็กน้อยด้านละ ½ - 1 เซนติเมตร เพื่อให้ประตูเปิดปิดได้สะดวก และมีพื้นที่เผื่อไว้สำหรับการขยายตัวของวัสดุตามสภาพอากาศ
  3. พื้นที่สำหรับเปิด-ปิดประตู ประตูแบบบานเปิดต้องมีพื้นที่ว่างเผื่อไว้สำหรับระยะวงสวิงของประตูด้วย แต่ถ้าห้องน้ำมีพื้นที่จำกัด การใช้ประตูบานเลื่อนก็เป็นทางออกที่ดี การวัดพื้นที่ที่ประตูต้องใช้ตอนเปิดปิด ช่วยให้วางแผนการจัดวางสุขภัณฑ์และของใช้อื่น ๆ ในห้องน้ำได้ลงตัว
  4. ความสูงของพื้นห้องน้ำ กรณีที่พื้นห้องน้ำมีการยกระดับ ความสูงของประตูก็ต้องปรับให้เข้ากันด้วย ประตูบางประเภทอย่าง PVC และ UPVC สามารถตัดเพื่อปรับขนาดได้ แต่ต้องปรึกษาช่างก่อนลงมือทำเพื่อป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างประตู การเว้นระยะห่างระหว่างขอบล่างของประตูกับพื้นไว้ประมาณ 1-2 ซม. ยังช่วยให้น้ำไม่ขังที่โคนประตูและทำให้เปิดปิดได้สะดวกขึ้น

 

สรุป

ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจยากค่ะ ถ้าเข้าใจคุณสมบัติของวัสดุแต่ละประเภทก่อน ความแตกต่างของวัสดุอย่าง UPVC, PVC, และ WPC มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

คุณสมบัติUPVCPVCWPC
กันน้ำและความชื้นดีมากดีมากดีมาก
ทนแสงแดดทนทานไม่แนะนำพอใช้
ความแข็งแรงสูงปานกลางสูง
ช่วงราคาปานกลาง-สูงต่ำปานกลาง
ลวดลายและสีสันหลากหลายจำกัดคล้ายไม้จริง
การบำรุงรักษาง่ายง่ายง่าย

รูปแบบของบานประตูห้องน้ำแบบไหนดี เช่น บานเกล็ดช่วยระบายอากาศ ลดความชื้นและกลิ่นอับ บานเลื่อนเข้ากันกับพื้นที่จำกัดและบ้านที่มีผู้สูงอายุ ส่วนบานเรียบกับบานลูกฟักก็เลือกได้ตามสไตล์การตกแต่ง ส่วนขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 70x200 ซม. แต่ถ้าบ้านมีผู้สูงอายุหรือผู้ใช้วีลแชร์ การเพิ่มความกว้างเป็น 90 ซม. ขึ้นไปก็ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้น

การเลือกประตูที่มีคุณภาพจากร้านที่ไว้ใจได้ มีการรับประกัน และติดตั้งไม่ยุ่งยาก ถือเป็นการลงทุนที่ลดภาระในระยะยาว เพราะประตูที่ทนทานตั้งแต่แรกจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ในอนาคต การดูแลประตูที่ถูกวิธียังช่วยยืดอายุใช้งานได้เกิน 10 ปี ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาและเงินไปกับการซ่อมแซมบ่อย ๆ และควรคำนวณ ค่าแรงติดตั้งประตู ไว้ในงบประมาณด้วย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้