ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คืออะไร เลือกใช้โครงสร้างแบบไหนดี ?

122 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ภาพหน้าปกบทความที่มีข้อความพาดหัวว่า ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คืออะไร เลือกใช้แบบไหนดี พร้อมรูปประกอบประตูสีขาวและเครื่องมือช่าง

S.J.Sourcing สรุปให้

  • ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คือมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาเข้าถึงง่ายกว่าประตูไม้จริง
  • ประตู HDF เหมาะสำหรับใช้ภายในบ้านในพื้นที่แห้ง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน
  • ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้นหรือภายนอก เพราะอาจบวมพองหรือเสียหายได้
  • มีให้เลือก 2 แบบคือ โครงคร่าว (Hollow Core) แข็งแรงกว่า และโครงรังผึ้ง (Honey Comb) น้ำหนักเบากว่า
  • อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับการติดตั้งและการดูแลรักษา โดยเฉพาะการป้องกันความชื้น

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ข้อมูลที่หลายคนอยากรู้ก่อนเลือกใช้ ประตูบ้านไม่ได้มีไว้แค่แบ่งพื้นที่ใช้สอยเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งที่ทำให้บ้านมีเอกลักษณ์ สำหรับประตู HDF นั้น มีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักที่เบา ติดตั้งสะดวก และมีราคาที่เข้าถึงง่าย

บทความนี้จาก S.J.Sourcing จะมาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย และข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ เพื่อให้การติดตั้งประตูครั้งนี้ลงตัวกับบ้านของคุณค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คืออะไร และทำมาจากวัสดุชนิดไหน ?

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คือข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ประตู HDF (High Density Fiberboard) ที่ทำมาจากแผ่นไม้อัดความหนาแน่นสูง ผลิตจากการนำเส้นใยไม้บดละเอียดมาผสมกับกาวสังเคราะห์ แล้วผ่านกระบวนการอัดด้วยความร้อนกับแรงดันสูง ทำให้เส้นใยไม้ประสานกันแน่นเป็นเนื้อเดียว มีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา

โครงสร้างของประตู HDF ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โครงสร้างภายใน หน้าบานประตู และผิวเคลือบภายนอก ตัวโครงสร้างภายในเป็นกรอบไม้จริงรอบบาน มีการเสริมไม้ตรงจุดที่ติดตั้งลูกบิดกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนหน้าบานทำจากแผ่น HDF และผิวชั้นนอกสุดเป็นสีรองพื้นที่เตรียมไว้ให้ทาสีจริงทับได้เลย

โครงสร้างภายในของประตู HDF ยังแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบหลัก แต่ละแบบมีผลต่อความทนทานและน้ำหนักของประตู ทำให้ ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย แตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ

  1. โครงสร้างแบบโครงคร่าว (Hollow Core) ประตูแบบนี้มีโครงสร้างภายในที่ใช้ไม้จริงมาประกอบกันเป็นโครง ขอบประตูเป็นไม้ชิ้นหนาเพื่อความแข็งแรง ส่วนด้านในเป็นไม้ขนาดเล็กลงมาเรียงกันเป็นซี่ ๆ ทำให้ประตูแบบโครงคร่าวมีน้ำหนักและความทนทานมากกว่าแบบรังผึ้ง
  2. โครงสร้างแบบรังผึ้ง (Honey Comb) โครงสร้างแบบรังผึ้งใช้กรอบไม้จริงรอบนอกเหมือนกับแบบโครงคร่าว แต่ไส้ใน เปลี่ยนเป็นกระดาษลูกฟูกอัดแน่นที่มีโครงสร้างคล้ายรังผึ้งแทน รูปแบบนี้ทำให้น้ำหนักประตูเบาลงและมีราคาที่จับต้องได้มากกว่า แต่ความแข็งแรงทนทานน้อยกว่าแบบโครงคร่าว

ส่วนดีไซน์ของหน้าบานก็มีให้เลือกหลากหลาย มีทั้งแบบบานเรียบที่นำไปเซาะร่องเพิ่มลวดลายเองได้ และแบบบานลูกฟักที่มีลวดลายมาให้เรียบร้อย เช่น ลาย 2 ช่องตรง 2 ช่องโค้ง 4 ช่องตรง หรือ 6 ช่องตรง แต่ละลายก็ให้อารมณ์ที่ต่างกันค่ะ

 

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

การทำความเข้าใจเรื่อง ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ที่ควรรู้ก่อนเลือกติดตั้ง เพราะประตูชนิดนี้มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางที่ต้องพิจารณา เพื่อให้เลือกใช้งานได้ตรงความต้องการและพื้นที่ภายในบ้าน ดังนี้ค่ะ

ข้อดีของประตู HDFข้อเสียของประตู HDF
  • น้ำหนักเบา ทำให้การติดตั้งสะดวกและรวดเร็ว
  • มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าประตูที่ทำจากไม้จริง
  • ผิวหน้าบานเป็นสีรองพื้นมาจากโรงงาน สามารถทำสีทับได้ทันที
  • พื้นผิวเรียบเนียน ทำให้การทำสีออกมาสม่ำเสมอ
  • ทนทานต่อปลวกและแมลงต่าง ๆ ได้ดี
  • มีลวดลายและดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบเรียบหรือแบบลูกฟัก
  • สามารถสั่งผลิตให้มีขนาดพอดีกับพื้นที่ติดตั้งได้
  • ไม่ทนทานต่อความชื้นสูงหรือน้ำโดยตรง
  • อายุการใช้งานสั้นกว่าประตูไม้จริง ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
  • ความแข็งแรงในการรับแรงกระแทกน้อยกว่าประตูไม้จริง
  • ส่วนใหญ่ต้องมีการทำสีเพิ่มเติมเพื่อให้ได้สีที่ต้องการและช่วยป้องกันความชื้น
  • มีโอกาสบวมพองหรือโก่งงอ ถ้าติดตั้งในพื้นที่เปียกชื้น
  • โครงสร้างบางแบบเก็บเสียงได้ไม่ดีเท่าประตูไม้ทึบ

จากข้อมูลประตู HDF ข้อดีข้อเสียทั้งหมด พบว่าประตู HDF เหมาะกับพื้นที่ใช้งานภายในที่ไม่สัมผัสความชื้น เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน แต่ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในห้องน้ำ หรือใช้เป็นประตูภายนอกที่ต้องเจอกับแดดและฝน การเลือกใช้ให้ถูกกับลักษณะงานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของประตูได้ค่ะ

 

โครงสร้าง ประตูhdfข้อดีข้อเสีย แบบไหนที่เหมาะกับการใช้งาน ?

ถ้าพิจารณาเรื่องประตู HDF ข้อดีข้อเสีย โครงสร้างภายในก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องดูให้เข้ากับการใช้งาน การเลือกโครงสร้างที่ตอบโจทย์ ส่งผลต่อความทนทานและอายุการใช้งานของประตูโดยตรง โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดตั้งกับลักษณะการใช้งานเป็นหลักค่ะ

1. ประตู HDF แบบโครงคร่าว (Hollow Core)

ประตู HDF โครงสร้างแบบโครงคร่าว มีเสริมโครงไม้ไว้ภายใน ทำให้เหมาะกับพื้นที่ที่มีการเปิดปิดบ่อยครั้ง หรือห้องที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น ประตูห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและช่วยลดเสียงรบกวน

จุดเด่นข้อควรพิจารณา
  • โครงสร้างแข็งแรงทนทาน
  • ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดี
  • ทนต่อการใช้งานและแรงกระแทก
  • มีน้ำหนักมากกว่าแบบรังผึ้ง
  • อาจต้องใช้บานพับที่แข็งแรงขึ้น
  • มีราคาสูงกว่าแบบรังผึ้ง

2. ประตู HDF แบบโครงรังผึ้ง (Honey Comb)

ประตู HDF แบบโครงรังผึ้ง มีน้ำหนักเบา เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ต้องรับแรงกระแทกมากนัก หรือมีการใช้งานไม่บ่อยเท่าไหร่ เช่น ประตูห้องเก็บของ ห้องแต่งตัว หรือห้องนอนเล็ก การที่ประตูมีน้ำหนักเบายังช่วยลดภาระของวงกบได้ด้วยค่ะ

จุดเด่นข้อควรพิจารณา
  • น้ำหนักเบาและติดตั้งสะดวก
  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่า
  • ช่วยลดภาระของวงกบประตู
  • ความแข็งแรงทนทานน้อยกว่าแบบโครงคร่าว
  • การเก็บเสียงทำได้ไม่เท่าโครงคร่าว
  • ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่เสี่ยงต่อแรงกระแทก

การเลือกผิวหน้าบานให้เข้ากับสไตล์บ้าน

นอกจากโครงสร้างภายในแล้ว ผิวหน้าของบานประตูก็เป็นส่วนที่สร้างเอกลักษณ์และบ่งบอกสไตล์ของบ้านได้ดี มีรูปแบบกับผิวสัมผัสให้เลือกแตกต่างกัน ดังนี้

รูปแบบผิวหน้าบาน

  1. บานเรียบเซาะร่อง รูปแบบที่เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น มินิมอล และร่วมสมัย สามารถออกแบบลวดลายการเซาะร่องได้หลากหลาย ทำให้ประตูดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  2. บานลูกฟัก มีลวดลายเป็นช่องตามการออกแบบ เช่น 2 ช่อง หรือ 4 ช่อง ให้ความรู้สึกอบอุ่นและดูคลาสสิก เข้ากับบ้านสไตล์ดั้งเดิมได้ดี

ผิวสัมผัสและข้อจำกัดเรื่องสี

ผิวสัมผัสของหน้าบานก็มีผลต่อการทำสีเหมือนกัน โดยมีให้เลือกทั้งแบบผิวเรียบไม่มีลายเสี้ยนไม้ และแบบผิวลายเสี้ยนไม้ การพิจารณาเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ที่ช่วยให้การตกแต่งบ้านลงตัวมากขึ้นค่ะ

  • ผิวเรียบไม่มีลายเสี้ยนไม้ แนะนำให้ทาสีแบบด้าน (Matt) เพื่อให้ผิวประตูดูเรียบเนียน
  • ผิวลายเสี้ยนไม้ สามารถเลือกทาสีได้ทั้งแบบกึ่งเงากึ่งด้านและแบบเงา เพื่อโชว์ลวดลายของเสี้ยนไม้

 

วิธีเลือก ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ

การเลือกประตู HDF ให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ต้องเข้าใจเรื่องประตู HDF ข้อดีข้อเสีย ด้วยค่ะ การเลือกประตูให้เข้ากับแต่ละห้องในบ้าน ต้องพิจารณาจากการใช้งาน สภาพแวดล้อม และสไตล์การตกแต่ง เพื่อให้ได้ประตูที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความสวยลงตัวกับพื้นที่นั้น ๆ ได้แก่

ห้องนอน

ห้องนอนพื้นที่ส่วนตัวที่ต้องการความเงียบสงบ การเลือกประตู HDF ที่มีความหนากับโครงสร้างแข็งแรงแบบโครงคร่าว (Hollow Core) ช่วยลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น และสามารถเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งได้หลายรูปเบบ เช่น

  • สไตล์โมเดิร์น ประตูบานเรียบเซาะร่องในโทนสีเข้มหรือสีเทา
  • สไตล์คลาสสิก ประตูแบบลูกฟักในโทนสีอบอุ่น เช่น น้ำตาลทอง หรือน้ำตาลแดง
  • ห้องเด็ก ประตูที่สามารถทาสีสดใสหรือเพ้นท์ลวดลายเพิ่มเติมได้

ห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นเหมือนศูนย์กลางของบ้าน ใช้สำหรับพักผ่อนกับต้อนรับแขก ประตูในส่วนนี้ควรมีดีไซน์ที่ลงตัวและให้ความรู้สึกเปิดกว้าง เช่น

  • ประตู HDF บานเรียบเซาะร่องที่มีลวดลายเฉพาะตัว
  • ประตู HDF แบบลูกฟักที่ลวดลายเข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์ในห้อง
  • ถ้าเป็นห้องนั่งเล่นที่ต้องการแสงสว่างจากห้องอื่น อาจเลือกประตู HDF แบบมีช่องกระจก

ห้องทำงาน

ห้องทำงานที่ต้องการสมาธิและความเงียบ ประตูที่ช่วยเก็บเสียงเป็นสิ่งจำเป็น การเลือกใช้ประตู HDF แบบโครงคร่าวที่มีความหนาช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ค่ะ

  • ดีไซน์เรียบหรู ดูเป็นทางการ เช่น บานเรียบเซาะร่องเส้นตรง
  • สีโทนเข้มหรือโทนธรรมชาติช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและเอื้อต่อการทำงาน

ห้องครัว

ห้องครัวพื้นที่ที่มีทั้งความร้อนและความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้อง การเลือกประตู HDF ข้อดีข้อเสีย สำหรับห้องนี้มีข้อควรพิจารณาอยู่บ้าง ได้แก่

  • ครัวแห้ง (ครัวไทยประยุกต์) สามารถใช้ประตู HDF ได้ แต่ต้องทาสีเคลือบให้ทั่วถึงทุกด้าน
  • ควรเลือกแบบที่ทำความสะอาดง่าย เช่น ผิวเรียบ และทาสีเคลือบเงาเพื่อเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
  • ถ้าป็นพื้นที่ที่เปียกหรือชื้นมาก ไม่แนะนำให้ใช้ประตู HDF

ห้องเก็บของหรือห้องแต่งตัว

ห้องเก็บของหรือห้องแต่งตัว ประตูไม่จำเป็นต้องรับแรงกระแทกมากนัก ประตู HDF ที่มีน้ำหนักเบาเป็นทางเลือกที่ลงตัวค่ะ

  • เหมาะกับประตู HDF แบบโครงรังผึ้ง (Honey Comb) มีน้ำหนักเบาและติดตั้งได้สะดวก
  • อาจเลือกเป็นประตูบานเลื่อน HDF เพื่อประหยัดพื้นที่ในการเปิดปิด
  • ดีไซน์และสีสันสามารถเลือกให้กลมกลืนกับภาพรวมของบ้านได้

ห้องน้ำ

ถ้าพิจารณาเรื่อง ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย จะเห็นว่าข้อจำกัดเรื่องความชื้นเป็นจุดที่ต้องระวังมากขึ้น เพราะห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูงกับมีโอกาสสัมผัสน้ำโดยตรง อาจทำให้ประตู HDF บวมพองและเสียหายได้ง่าย

แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ห้องน้ำนั้นต้องมีการแบ่งโซนเปียกกับโซนแห้งที่แยกจากกันชัดเจน ตัวประตูต้องทาสีเคลือบป้องกันความชื้นให้ทั่วถึงทุกด้าน ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และขอบประตูทั้งหมด และต้องตรวจเช็คสภาพอยู่เสมอ แต่ทางที่ดีสำหรับห้องน้ำควรเลือกใช้วัสดุอื่นที่ทนความชื้นได้โดยตรง เช่น ประตู PVC, UPVC หรือ Fiberglass เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่าค่ะ

อ่านเพิ่มเติม: ประตูห้องน้ำควรใช้แบบไหน ? เลือกรูปแบบบานประตูห้องน้ำแบบไหนดี

 

การเปรียบเทียบ ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย กับประตูชนิดอื่น

การเปรียบเทียบ ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย กับประตูชนิดอื่นในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องวัสดุ ราคา และการติดตั้ง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกใช้ มีดังนี้

1. ด้านวัสดุและความทนทาน

ประตูแต่ละชนิดทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน ทำให้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมไม่เท่ากัน ทั้งในเรื่องความชื้น ปลวก และแมลงค่ะ

ประเภทประตูวัสดุหลักความทนทานทนต่อความชื้นทนต่อปลวกและแมลง
ประตู HDFไม้อัดความหนาแน่นสูงปานกลางต่ำดี
ประตูไม้จริงไม้เนื้อแข็ง/ไม้เนื้ออ่อนดีมากปานกลาง-ต่ำปานกลาง-ต่ำ
ประตู PVCพลาสติก PVCต่ำ-ปานกลางดีมากดีมาก
ประตู UPVCพลาสติก UPVC คุณภาพสูงดีดีมากดีมาก
ประตู WPCไม้ผสมพลาสติกดีดีดีมาก
ประตูไฟเบอร์กลาสไฟเบอร์กลาสดีมากดีมากดีมาก

จากตารางพบว่าประตู HDF สามารถป้องกันปลวกและแมลงได้ดี แต่ไม่ทนต่อความชื้นเท่ากับประตูชนิดอื่น เช่น ประตู PVC, ประตู UPVC และประตู WPC หรือไฟเบอร์กลาสค่ะ

2. ด้านราคาและอายุการใช้งาน

เรื่องราคากับอายุการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา ประตูแต่ละแบบมีราคาและระยะเวลาการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้

ประเภทประตูระดับราคาอายุการใช้งานโดยประมาณ
ประตู HDFต่ำ-ปานกลาง5-10 ปี (ขึ้นกับการใช้งาน)
ประตูไม้จริงสูง15-20+ ปี
ประตู PVCต่ำมาก3-5 ปี
ประตู UPVCปานกลาง-สูง10-15 ปี
ประตู WPCปานกลาง-สูง10-15 ปี
ประตูไฟเบอร์กลาสสูง15-20+ ปี

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย มีราคาที่เข้าถึงง่าย มีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการใช้งาน เหมาะกับพื้นที่ภายในบ้านที่ไม่มีความชื้นสูงค่ะ

3. ด้านการติดตั้งและการดูแลรักษา

ประตูบางชนิดติดตั้งง่ายและดูแลไม่ยุ่งยาก แต่บางชนิดก็ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ทำให้ความสะดวกในการติดตั้งกับการดูแลรักษาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจค่ะ

ประเภทประตูการติดตั้งการดูแลรักษาเหมาะกับห้อง
ประตู HDFง่าย (น้ำหนักเบา)ปานกลาง (ต้องทาสี/เคลือบผิว)ภายในบ้าน (ยกเว้นห้องน้ำ)
ประตูไม้จริงยาก (น้ำหนักมาก)ยาก (ต้องดูแลสม่ำเสมอ)ทุกห้อง (ยกเว้นห้องน้ำ)
ประตู PVCง่ายมากง่าย (เช็ดทำความสะอาดเท่านั้น)ห้องน้ำ
ประตู UPVCปานกลางง่ายห้องน้ำ และภายนอก
ประตู WPCปานกลางง่าย-ปานกลางทุกห้อง รวมถึงภายนอก
ประตูไฟเบอร์กลาสปานกลาง-ยากง่าย-ปานกลางทุกห้อง รวมถึงภายนอก

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย การติดตั้งสะดวกเพราะมีน้ำหนักเบา ส่งผลให้ค่าแรงติดตั้งประตูประเภทนี้ไม่สูง แต่จำเป็นต้องทาสีหรือเคลือบผิวเพื่อช่วยป้องกันความชื้น เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน ยกเว้นห้องน้ำหรือพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความเปียกชื้น

การรู้ข้อมูลประตูhdfข้อดีข้อเสียทั้งหมดนี้ ช่วยให้เลือกประตูได้ตรงใจมากขึ้น จากการเปรียบเทียบทั้งหมดข้างต้น สามารถสรุปคำแนะนำในการเลือกประตูได้ดังนี้

  1. ห้องภายในทั่วไป (ห้องนอน ห้องนั่งเล่น) ประตู HDF เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีราคาที่เข้าถึงง่าย น้ำหนักเบา และมีความสวยงาม
  2. ห้องน้ำ ควรเลือกประตู UPVC, PVC หรือไฟเบอร์กลาส ที่ทนความชื้นได้ดีกว่า
  3. ประตูภายนอก ควรเลือกประตูไฟเบอร์กลาส, WPC หรือไม้จริงเนื้อแข็งคุณภาพดีที่ผ่านการเคลือบผิวอย่างดี
  4. บ้านที่ต้องการความคงทนในระยะยาว ประตูไม้จริง ไฟเบอร์กลาส หรือ WPC ตอบโจทย์การใช้งานระยะยาวมากกว่าถึงจะราคาสูงกว่า
  5. บ้านที่มีงบจำกัด ประตู HDF ก็เป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะสำหรับห้องภายในทั่วไป

 

สรุป

ประตู HDF ข้อดีข้อเสีย คือสิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่กำลังมองหาประตูสำหรับใช้ภายในบ้าน ประตูชนิดนี้มีน้ำหนักเบา ติดตั้งสะดวก และมีรูปแบบให้เลือกทั้งบานเรียบเซาะร่องกับแบบลูกฟัก ทำให้เข้ากับการตกแต่งบ้านสไตล์ต่าง ๆ ได้ง่าย โดยมีจุดเด่นกับข้อควรพิจารณา ดังนี้

จุดเด่นข้อควรพิจารณา
  • มีราคาที่เข้าถึงง่าย น้ำหนักเบา ทำให้ขนย้ายสะดวก
  • พื้นผิวเรียบ ทำสีได้ง่าย
  • ทนทานต่อปลวกและแมลง
  • ไม่ทนทานต่อความชื้น ไม่เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกหรือในห้องน้ำ
  • มีอายุการใช้งานสั้นกว่าประตูไม้จริง

ประตู HDF ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพถ้าติดตั้งภายในพื้นที่แห้งของบ้าน การติดตั้งที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาด้วยการทาสีเคลือบผิวที่มีคุณภาพเพื่อป้องกันความชื้น สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานได้ 5-10 ปี สำหรับพื้นที่ที่ต้องเจอกับความชื้นสูง การเลือกใช้วัสดุอื่น เช่น UPVC, WPC หรือไฟเบอร์กลาส ตอบโจทย์การใช้งานระยะยาวได้มากกว่าค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้